Coca-Cola
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
‘โค้ก’ จับมือ ‘แมคโดนัลด์’ แจก “แก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010”
วันนี้ ‘โค้ก’ เครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยและทั่วโลก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย ร่วมกับ ‘แมคโดนัลด์’ ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลโลกฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ& 8482;
2010 จัดโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลก แจก “แก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010” ให้แฟนบอลชาวไทยได้สะสม เพียงอิ่มอร่อยที่แมคโดนัลด์ทุกสาขากับชุดอร่อยสุดคุ้มขนาดใหญ่พิเศษ (ชุดใดก็ได้) รับแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 ฟรี! ทันทีหนึ่งแก้ว! มีให้เลือกสะสมถึง 6 ลาย 6 สี ใน 6 สัปดาห์ (สัปดาห์ละ 1 แบบ) เริ่มตั้งแต่ 28 พฤษภาคม ถึง 8 กรกฎาคม 2553 นี้เท่านั้น
ประเทศไทยเป็นหนึ่ง ใน 19 ประเทศทั่วโลกที่ได้จัดทำโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้พร้อมๆ กับ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฯลฯ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในการออกโปรโมชั่นร่วมกัน เมื่อครั้งเฉลิมฉลองมหกรรมกีฬาโอลิมปิคปี 2008 ที่ผ่านมา
มร. ฆอเฮ การ์ดูโน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โค้ก ร่วมกับ แมคโดนัลด์ จัดทำโปรโมชั่นสุดพิเศษแจก ‘แก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010’ เอาใจแฟนๆ นักสะสมของโค้ก แฟนแมคโดนัลด์และแฟนบอลทั่วไป โดยแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 นี้ ได้รับการออกแบบและจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเป็นลักษณะแก้วคอนทัวร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ& 8482; 2010 โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในทวีปแอฟริกา ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ระหว่าง 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทั้งโค้กและแมคโดนัลด์นั้นต่างก็เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการด้วยกันทั้งคู่”
แก้วโค้กคอนทัวร์ได้รับการพัฒนามาจากขวดคอนทัวร์ของโค้ก ซึ่งมีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่ปี 1929 (พ.ศ. 2472) และเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักกันของผู้คนทั่วโลก สำหรับแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 มีด้วยกันทั้งสิ้น 6 สี 6 ลาย แต่ละแบบสลักลายนูนรูปท่วงท่าการเตะฟุตบอลในลักษณะที่ต่างกัน คือ กระโดดเตะ โหม่ง เตะ รักษาประตู วอลเล่ย์ และยิงประตู
มร. เฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า “ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งที่แมคโดนัลด์กับโค้กได้ร่วมมือกันจัดโปรโมชั่นต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งคนทั่วทั้งโลกต่างตั้งตารอคอยการมาถึงของมหกรรมกีฬาอันยิ่งใหญ่นี้ แมคโดนัลด์และโค้กจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกความทรงจำของคอบอลทั้งหลายด้วยการมอบแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 เป็นที่ระลึก เมื่อทุกท่านอิ่มอร่อยกับชุดสุดคุ้ม ขนาดใหญ่พิเศษที่แมคโดนัลด์ทุกสาขา เราเชื่อว่าแก้วคอนทัวร์ ลิมิเต็ด เอดิชั่นชุดนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลนักสะสมทุกคน”
“กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย มุ่งมั่นในการสนับสนุนกีฬาฟุตบอลในทุกระดับอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศอย่าง ไทย พรีเมียร์ ลีก ระดับท้องถิ่นอย่างการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนโค้กคัพ จนถึงระดับโลกอย่าง ฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ& 8482; โดยเครื่องดื่มโค้กได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น โปรโมชั่นสุดพิเศษร่วมกับแมคโดนัลด์ในครั้งนี้ เป็นโอกาสพิเศษที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบ 4 ปี เราจึงอยากให้ผู้บริโภคร่วมเก็บความทรงจำแสนพิเศษนี้ ผ่านแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 ไว้เป็นที่ระลึก” มร. ฆอเฮกล่าวสรุป
โคคา-โคลา คือ แบรนด์ที่โด่งดัง มีมูลค่าสูงสุด และเป็นที่รู้จักมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ “ขวดคอนทัวร์” มามากกว่า 90 ปี ซึ่งได้สิทธิบัตรจากสำนักงานจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา (U.S. Patent and Trademark Office) และภายหลัง แก้วโค้กคอนทัวร์ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นจากรูปทรงของขวดคอนทัวร์
สำหรับแฟนบอลนักสะสม สามารถรับแก้วโค้ก รุ่น FIFA ฟุตบอลโลก 2010 ได้ฟรี เพียงเลือกอิ่มอร่อยกับชุดอร่อยสุดคุ้ม ขนาดใหญ่พิเศษ ชุดใดก็ได้ ที่แมคโดนัลด์ทุกสาขา มีให้สะสม 6 สี 6 ลาย รวม 6 สัปดาห์ (สัปดาห์ละ 1 แบบ) ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 8 กรกฎาคมศกนี้เท่านั้น “คอบอล คอโค้ก คอเดียวกัน”
ที่มา : http://www.stockwave.in.th/irpr/11299-pr-260510.html
เหตุผลการเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของโค้ก
จุดที่น่าสังเกต ก็คือ 5 อันดับแรกแม้ลำดับไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีแค่แบรนด์อันดับ 1 และ 2 เท่านั้นที่มูลค่าแบรนด์เพิ่มสูงขึ้น อันดับ 1 คือโค้ก มีมูลค่าแบรนด์ 68,734 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 2 ไอบีเอ็ม มีมูลค่าแบรนด์ 60,211 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งสาเหตุที่ทั้งสองแบรนด์นี้มีมูลค่าแบรนด์สูงขึ้นน่าจะเกิดจากการเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ใครๆ ก็รู้จัก โดยเฉพาะโค้ก ไม่ว่าผ่านมากี่ปีๆ ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้แบรนด์ดูทันสมัยตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนโลโก้ในแต่ละช่วงอายุให้ดูอินเทรนด์ ปรับเปลี่ยนวิธีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเสริมกิจกรรมการตลาดที่สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
จะเห็นว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ดื่มโค้กยังไง เด็กสมัยนี้ก็ยังดื่มโค้กอย่างนั้นโดยไม่มีอาการเคอะเขิน ดังนั้นการที่โค้กยืนหยัดอยู่ที่อันดับ 1 ไม่เปลี่ยนแปลงและมีมูลค่าแบรนด์เพิ่มสูงขึ้น แสดงว่าเขาสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้และหาลูกค้าใหม่มาเติมได้อย่างไม่หยุดหย่อน
Campaign of others countries
In Great Britain
Every pack gets 50p mobile credit!
Grab 50p free mobile credit for your PAYG or contract phone, whenever you buy a promotional pack of Fanta, Sprite or Dr Pepper
> Visit Gimme Credit*
Free rewards at Coke Zone!
Get great rewards and prizes, from gig tickets to fashion vouchers, by collecting points on Coke Zone
> Find out more*
Every pack gets 50p mobile credit!
Grab 50p free mobile credit for your PAYG or contract phone, whenever you buy a promotional pack of Fanta, Sprite or Dr Pepper
> Visit Gimme Credit*
Free rewards at Coke Zone!
Get great rewards and prizes, from gig tickets to fashion vouchers, by collecting points on Coke Zone
> Find out more*
โค้ก กับ สิ่งที่ได้จากการลองผิดลองถูกกว่า 100 ปี
What they had learned after 100 years
จากทุกหัวข้อ Entry ที่กล่าวมาน่าจะสามารถสร้างภาพองค์ประกอบต่างๆกว่าจะมาเป็นโค้กที่รู้จักกันได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมว่าการเป็นก้าวขึ้นมาเป็น Brand อันดับต้นๆที่อยู่ในใจของผู้บริโภคได้มายาวนานกว่า 100 ปีนั้นไม่ได้เกิดจากการถือตนว่าดังแล้วค่อยๆขายๆไปเรื่อย แต่ โค้กต้องฝ่าฟันวิกฤตต่างๆนาๆ มาอย่างยากลำบาก CocaCola มีการเปลี่ยนรูปแบบตัวเองต่างๆนานาๆ แต่ก็พยายามรักษาภาพลักษณ์ของ Brand ตัวเองไว้เป็นสำคัญ ซึ่งมีทั้งการลองผิดลองถูกต่างๆไม่ว่าจะเป็นการออกรสชาติใหม่ๆอยู่ตลอด แต่ก็พยายามรักษาความใกล้เคียงรสชาติดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด หรือไม่ว่าเศรษฐกิจจะทรุดโทรมแค่ไหน CocaCola ก็ยังคงทุ่มงบกับการโฆษณาโดยไม่ทิ้งภาพลักษณ์ของตนเอง ซึ่งการรักษา Brand ของตนไม่ให้เสียมาตรฐานหรือไขว้เขว สามารถตั้งมั่นเป็นที่พึ่งพาที่แข็งแกร่งให้กับคนทั่วไปที่พบเห็นไม่เกิดความคิงกังวลหรือไม่มั่นใจกับตนเองได้นั้นเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ CocaCola ใช้เวลากว่า 100 ปีเรียนรู้มา
Term of Advertising
Coca-Cola รักษา Concept Idea ที่ว่าโค้กจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเป็นหลักในการทำการสื่อสารกับผู้บริโภคมาโดยตลอด ถึงแม้ว่า Campaign Coke side of Life จะเป็น Campaign ที่เริ่มวิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแต่ Coke พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นสินค้าที่มีรสนิยม หรูหรา แต่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมาโดยตลอดตั้งแต่ต้น การสร้างสารที่มีเนื้อหาในเหตุการณ์ต่างๆแต่ทุกที่ก็มีโค้กนั้นถูกซึมทราบเข้าไปยังความคิดของผู้บริโภค "ยามกระหายนึกถึงโค้ก", "ยามทานอาหารให้นึกถึงโค้ก" และเมื่อโลกมีการพัฒนาขึ้นช่องทางและแนวคิดอื่นๆที่นำมาสร้างเป็นสารของโค้กก็เพิ่มมากขึ้น แม้จะเกิดการเรียนรู้และสร้างสารที่แตกต่างออกไปตาม Local เพื่อประโยชน์สูงสุดของการสื่อสารขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังคง Concept เดิมที่ว่าโค้กอยู่ร่วมกับคุณตลอดเวลาอยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นว่าโค้กมีการย้ำเตือนและยึดมั่นจนเกิดเป็นข้อความที่ไม่จางหายในใจผู้บริโภคอยู่เสมอว่า "ต้องโค้กสิ"
Term of Marketing & Strategic
Coca-Cola มีการถีบตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการย้ำเตือนและเสริมภาพลักษณ์ของตนเองที่ว่า Coca-Cola หรูหรา ทันสมัย การพัฒนา Package ให้มีรูปร่างแปลกตาและเน้นการ Design ก็ดี การพัฒนาจากแบบฝาจีบ เป็นแบบกระป๋อง หรือฝาเกลียวก็ดี การสร้างรสชาติใหม่ๆอยู่เสมอก็ดี ทั้งหมดล้วนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการไม่จมปลักอยู่กับที่ของ Coca-Cola ถึงแม้บางครั้งก็เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก เช่นการออกรสชาติใหม่แต่ผลตอบรับที่ได้คือลูกค้าไม่ประทับใจ Coca-Cola จึงเลือกที่จะรักษาความคลาสสิคไว้แต่ก็ยังไม่ปิดช่องการสร้าง Product ใหม่ลงไปแต่จะยังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆหากดีก็จะผลิตขายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับ Original Product หากไม่ดีเท่าที่ควรก็จะผลิตเป็นแต่ละช่วงเวลาไป ซึงทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Coca-Cola มองลูกค้าเป็นสำคัญ มีการทำ Consumer Insight อยู่ตลอดเวลาและก็ไม่บังคับลูกค้าเกินไป มีสิ่งใหม่ๆแปลกตาออกมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าและยังเป็นการย้ำความมีประสิทธิภาพของตนเอง สามารถตอกย้ำความไว้วางใจในผู้บริโภคได้ต่อไป หรืออาจกล่าวได้ว่า Coca-Cola มีการทำ SWOT เพื่อให้รู้จักตนเองอยู่เสมอ มีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้สินค้าของตนไปถึงลูกค้าได้ทุกๆซอกมุมนั่นคือไม่บกพร่องต่อ 4P ด้วยเช่นกัน
What we should learn from Coca-Cola
การรักษาภาพลักษณ์ของ Brand ตนเองและสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคเพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำที่แน่นอนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม แต่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกธุรกิจทุกผู้ประกอบการ การสร้างความยึดมั่นแข็งแรงและพึ่งพาได้ของตนเองไว้ได้ย่อมหมายถึงการได้มาซึ่งความไว้วางใจของทุกคนรอบข้างไม่จำกัดอยู่เพียงลูกค้าผู้บริโภค แต่ พนักงานหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่างก็เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อความสำเร็จขององค์กร ปัจจัยที่สำคัญอื่นๆที่ไม่ควรให้เสียหายและดูแลควบคู่กันไปอย่างช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค การสื่อสารถึงผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง การปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยตอกย้ำใน Brand ให้แข็งแกร่งและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจผู้บริโภคไปได้
ที่มา : http://coke-world.exteen.com/20080806/entry
จากทุกหัวข้อ Entry ที่กล่าวมาน่าจะสามารถสร้างภาพองค์ประกอบต่างๆกว่าจะมาเป็นโค้กที่รู้จักกันได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมว่าการเป็นก้าวขึ้นมาเป็น Brand อันดับต้นๆที่อยู่ในใจของผู้บริโภคได้มายาวนานกว่า 100 ปีนั้นไม่ได้เกิดจากการถือตนว่าดังแล้วค่อยๆขายๆไปเรื่อย แต่ โค้กต้องฝ่าฟันวิกฤตต่างๆนาๆ มาอย่างยากลำบาก CocaCola มีการเปลี่ยนรูปแบบตัวเองต่างๆนานาๆ แต่ก็พยายามรักษาภาพลักษณ์ของ Brand ตัวเองไว้เป็นสำคัญ ซึ่งมีทั้งการลองผิดลองถูกต่างๆไม่ว่าจะเป็นการออกรสชาติใหม่ๆอยู่ตลอด แต่ก็พยายามรักษาความใกล้เคียงรสชาติดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด หรือไม่ว่าเศรษฐกิจจะทรุดโทรมแค่ไหน CocaCola ก็ยังคงทุ่มงบกับการโฆษณาโดยไม่ทิ้งภาพลักษณ์ของตนเอง ซึ่งการรักษา Brand ของตนไม่ให้เสียมาตรฐานหรือไขว้เขว สามารถตั้งมั่นเป็นที่พึ่งพาที่แข็งแกร่งให้กับคนทั่วไปที่พบเห็นไม่เกิดความคิงกังวลหรือไม่มั่นใจกับตนเองได้นั้นเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ CocaCola ใช้เวลากว่า 100 ปีเรียนรู้มา
Term of Advertising
Coca-Cola รักษา Concept Idea ที่ว่าโค้กจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเป็นหลักในการทำการสื่อสารกับผู้บริโภคมาโดยตลอด ถึงแม้ว่า Campaign Coke side of Life จะเป็น Campaign ที่เริ่มวิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแต่ Coke พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นสินค้าที่มีรสนิยม หรูหรา แต่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมาโดยตลอดตั้งแต่ต้น การสร้างสารที่มีเนื้อหาในเหตุการณ์ต่างๆแต่ทุกที่ก็มีโค้กนั้นถูกซึมทราบเข้าไปยังความคิดของผู้บริโภค "ยามกระหายนึกถึงโค้ก", "ยามทานอาหารให้นึกถึงโค้ก" และเมื่อโลกมีการพัฒนาขึ้นช่องทางและแนวคิดอื่นๆที่นำมาสร้างเป็นสารของโค้กก็เพิ่มมากขึ้น แม้จะเกิดการเรียนรู้และสร้างสารที่แตกต่างออกไปตาม Local เพื่อประโยชน์สูงสุดของการสื่อสารขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังคง Concept เดิมที่ว่าโค้กอยู่ร่วมกับคุณตลอดเวลาอยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นว่าโค้กมีการย้ำเตือนและยึดมั่นจนเกิดเป็นข้อความที่ไม่จางหายในใจผู้บริโภคอยู่เสมอว่า "ต้องโค้กสิ"
Term of Marketing & Strategic
Coca-Cola มีการถีบตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการย้ำเตือนและเสริมภาพลักษณ์ของตนเองที่ว่า Coca-Cola หรูหรา ทันสมัย การพัฒนา Package ให้มีรูปร่างแปลกตาและเน้นการ Design ก็ดี การพัฒนาจากแบบฝาจีบ เป็นแบบกระป๋อง หรือฝาเกลียวก็ดี การสร้างรสชาติใหม่ๆอยู่เสมอก็ดี ทั้งหมดล้วนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการไม่จมปลักอยู่กับที่ของ Coca-Cola ถึงแม้บางครั้งก็เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก เช่นการออกรสชาติใหม่แต่ผลตอบรับที่ได้คือลูกค้าไม่ประทับใจ Coca-Cola จึงเลือกที่จะรักษาความคลาสสิคไว้แต่ก็ยังไม่ปิดช่องการสร้าง Product ใหม่ลงไปแต่จะยังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆหากดีก็จะผลิตขายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับ Original Product หากไม่ดีเท่าที่ควรก็จะผลิตเป็นแต่ละช่วงเวลาไป ซึงทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Coca-Cola มองลูกค้าเป็นสำคัญ มีการทำ Consumer Insight อยู่ตลอดเวลาและก็ไม่บังคับลูกค้าเกินไป มีสิ่งใหม่ๆแปลกตาออกมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าและยังเป็นการย้ำความมีประสิทธิภาพของตนเอง สามารถตอกย้ำความไว้วางใจในผู้บริโภคได้ต่อไป หรืออาจกล่าวได้ว่า Coca-Cola มีการทำ SWOT เพื่อให้รู้จักตนเองอยู่เสมอ มีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้สินค้าของตนไปถึงลูกค้าได้ทุกๆซอกมุมนั่นคือไม่บกพร่องต่อ 4P ด้วยเช่นกัน
What we should learn from Coca-Cola
การรักษาภาพลักษณ์ของ Brand ตนเองและสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคเพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำที่แน่นอนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม แต่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกธุรกิจทุกผู้ประกอบการ การสร้างความยึดมั่นแข็งแรงและพึ่งพาได้ของตนเองไว้ได้ย่อมหมายถึงการได้มาซึ่งความไว้วางใจของทุกคนรอบข้างไม่จำกัดอยู่เพียงลูกค้าผู้บริโภค แต่ พนักงานหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่างก็เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อความสำเร็จขององค์กร ปัจจัยที่สำคัญอื่นๆที่ไม่ควรให้เสียหายและดูแลควบคู่กันไปอย่างช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค การสื่อสารถึงผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง การปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยตอกย้ำใน Brand ให้แข็งแกร่งและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจผู้บริโภคไปได้
ที่มา : http://coke-world.exteen.com/20080806/entry
โค้ก กับ กลยุทธ์ทางการโฆษณา
การโฆษณาเป็นเครื่องมือหนึ่่งที่ใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของ Coca-Cola และเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆเนื่องจากจุดแข็งของการโฆษณาคือมีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก และสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ขีด จำกัดโดย Coca – Cola ใช้การรวมพลังกันของสื่อโฆษณาแบบ 360 องศา เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากและยังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเสมอ และอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Coca – Cola ที่จะสามารถสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ สร้างจินตนาการ อย่างไม่รู้จบ ซึ่งถือว่าเป็นความแตกต่างของรูปแบบการโฆษณา ซึ่งแบรนด์อื่นยังตามไม่ทันจะเห็นได้จากสื่อโฆษณาต่างๆของโค้กที่สามารถสร้างความสนใจจากผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม
เนื่องจากกระแสการดูแลสุขภาพที่มาแรงและเกิดกระแสตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิตของผู้บริโภคในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงกับตัวผลิตภัณฑ์ของ Coca – Cola ที่เป็นเพียงน้ำอัดลมซึ่งมีอรรถประโยชน์ที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือเพื่อดับกระหายเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้เป็น Key Message ในการบอกผู้บริโภคถึง คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ได้ ทำให้ Coca – Cola ใช้กลยุทธ์หลักๆ 3 แบบ คือ Brand Image Strategy, Product Positioning Stategy และ Resonance Strategy ในการสื่อสารเพื่อเน้นการเข้าถึงอารมณ์ของผู้รับสาร (Emotional) ซึ่งปัจจุบัน Coca-Cola ได้ใช้ Campaign "เลือกโค้กด้านดีๆของชีวิต" หรือ “The Coke Side Of Life” ซึ่งมุ่งนำเสนอด้านอารมณ์ต่างๆของผู้บริโภค แสดงให้เห็นความสนุกสนาน ร่าเริง สดใส และจินตนาการ เพื่อต้องการสื่อให้เห็นถึงความสอดคล้องเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผู้บริโภค ว่าเมื่อดื่ม Coke จะมีความสุข สดชื่น
ด้วยจุดแข็ง คือ ความเป็น Global Brand รูปแบบการโฆษณา ย่อมเป็น Campaign เดียวกันทั่วโลก ซึ่งทำให้การโฆษณาของ Coca – Cola มีความเป็นเอกภาพสูงสามารถตอกย้ำ แนวคิด หรือ Concept ของ Brand ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโค้กยังมุ่งสื่อสารในเรื่องของ Brand มากกว่า ตัวผลิตภัณฑ์ เพราะ Coca – Cola นั้นไม่เพียงแต่ต้องการให้ผู้บริโภคเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ของตนเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้าง Loyalty เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรักและกลมเกลียวใน Brand อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง สำหรับรูปแบบการนำเสนอในสื่อโฆษณาต่างๆนั้น Coca – Cola จะสื่อให้Brand เข้าไปอยู่ใน Life Style ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะ เป็นดนตรีหรือกีฬา จะเห็นได้จากการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนของมหกรรมกีฬาระดับโลกและกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คนทั่วโลกสนใจเหมือนๆกัน
โดยส่วนใหญ่แล้ว Coke จะใช้การนำเสนอแบบ Vignettes และไม่เน้นการใช้ Celebrities ซึ่งโค้กต้องการสร้างความผูกพันธ์กับผู้บริโภค จึงเลือกใช้บุคคลที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกคนสำหรับ Mood & Tone จะเน้นอารมณ์ที่สนุกสนาน สดใส สดชื่น และมีจินตนาการ มุ่งสร้างความสุขให้กับผู้บริโภค และใช้สีแดงเป็นหลักเนื่องจาก เป็นสีของ Brand และสิ่งที่ Coca – Cola ให้ความสำคัญกับ รูปแบบการนำเสนอ (Execution) มากที่สุดคือคือต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปสื่อใดก็ตาม ซึ่งทำให้ชิ้นงานโฆษณาของ Coca – Cola มีความโดดเด่น และน่าสนใจมากกว่าโฆษณาอื่นๆ และยังสามารถเป็นโฆษณาที่ ผู้บริโภค หรือผู้พบเห็น รัก และ ประทับใจ ได้อีกด้วย
เนื่องจากกระแสการดูแลสุขภาพที่มาแรงและเกิดกระแสตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิตของผู้บริโภคในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงกับตัวผลิตภัณฑ์ของ Coca – Cola ที่เป็นเพียงน้ำอัดลมซึ่งมีอรรถประโยชน์ที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือเพื่อดับกระหายเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้เป็น Key Message ในการบอกผู้บริโภคถึง คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ได้ ทำให้ Coca – Cola ใช้กลยุทธ์หลักๆ 3 แบบ คือ Brand Image Strategy, Product Positioning Stategy และ Resonance Strategy ในการสื่อสารเพื่อเน้นการเข้าถึงอารมณ์ของผู้รับสาร (Emotional) ซึ่งปัจจุบัน Coca-Cola ได้ใช้ Campaign "เลือกโค้กด้านดีๆของชีวิต" หรือ “The Coke Side Of Life” ซึ่งมุ่งนำเสนอด้านอารมณ์ต่างๆของผู้บริโภค แสดงให้เห็นความสนุกสนาน ร่าเริง สดใส และจินตนาการ เพื่อต้องการสื่อให้เห็นถึงความสอดคล้องเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผู้บริโภค ว่าเมื่อดื่ม Coke จะมีความสุข สดชื่น
ด้วยจุดแข็ง คือ ความเป็น Global Brand รูปแบบการโฆษณา ย่อมเป็น Campaign เดียวกันทั่วโลก ซึ่งทำให้การโฆษณาของ Coca – Cola มีความเป็นเอกภาพสูงสามารถตอกย้ำ แนวคิด หรือ Concept ของ Brand ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโค้กยังมุ่งสื่อสารในเรื่องของ Brand มากกว่า ตัวผลิตภัณฑ์ เพราะ Coca – Cola นั้นไม่เพียงแต่ต้องการให้ผู้บริโภคเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ของตนเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้าง Loyalty เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรักและกลมเกลียวใน Brand อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง สำหรับรูปแบบการนำเสนอในสื่อโฆษณาต่างๆนั้น Coca – Cola จะสื่อให้Brand เข้าไปอยู่ใน Life Style ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะ เป็นดนตรีหรือกีฬา จะเห็นได้จากการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนของมหกรรมกีฬาระดับโลกและกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คนทั่วโลกสนใจเหมือนๆกัน
โดยส่วนใหญ่แล้ว Coke จะใช้การนำเสนอแบบ Vignettes และไม่เน้นการใช้ Celebrities ซึ่งโค้กต้องการสร้างความผูกพันธ์กับผู้บริโภค จึงเลือกใช้บุคคลที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกคนสำหรับ Mood & Tone จะเน้นอารมณ์ที่สนุกสนาน สดใส สดชื่น และมีจินตนาการ มุ่งสร้างความสุขให้กับผู้บริโภค และใช้สีแดงเป็นหลักเนื่องจาก เป็นสีของ Brand และสิ่งที่ Coca – Cola ให้ความสำคัญกับ รูปแบบการนำเสนอ (Execution) มากที่สุดคือคือต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปสื่อใดก็ตาม ซึ่งทำให้ชิ้นงานโฆษณาของ Coca – Cola มีความโดดเด่น และน่าสนใจมากกว่าโฆษณาอื่นๆ และยังสามารถเป็นโฆษณาที่ ผู้บริโภค หรือผู้พบเห็น รัก และ ประทับใจ ได้อีกด้วย
Marketing a Drink, but Never by Name
COMMERCIALS for Coca-Cola are sometimes so completely shrouded by storytelling that viewers can make a game of brand-spotting. The game — let’s call it “Spot the Coke Can” — takes a particularly long time during the cinematic spots in movie theaters.
In the global advertising campaign called Open Happiness that was introduced in January, the Coca Cola Company takes the game to a logical last step by omitting any reference to the brand in a catchy song it created and sold last winter.
With the title “Open Happiness,” the song is an advertisement by association.
•
Coca-Cola signed a crew of well-known band members and performers to record the single. It also produced several different language versions for other countries.
On Thursday morning, the song will take another promotional step forward when MTV is expected to show the premiere of the music video for “Open Happiness.” Coca-Cola said it did not pay MTV for the showing.
As is the case with the song, viewers of the video will be hard-pressed to spot the Coca-Cola brand. “I studied the video like the Zapruder film,” said a Coke spokesman, Petro Kacur, and the Coke reference “is so super-fast that you really have to be looking for it.”
Umut Ozaydinli, the global music marketing manager for the Coca-Cola Company, said the upbeat song pulled consumers into the Open Happiness campaign, rather than pushing it on them like traditional advertising.
“Coca-Cola is such a strong and magical brand that we can come out with something with no branding or very little branding,” he said in a telephone interview from Turkey on Wednesday, where the company plans to release a Turkish-language version of the song. “All the communications we are doing around the song enable consumers to connect the song with the brand.”
While Coca-Cola has produced songs in the past — before the Summer Olympics in Beijing last year, the company released eight song remixes by D.J.’s — “Open Happiness” stands out because the company is charging for the single on iTunes and Amazon.com. The musical strategy may remind some of “I’d Like to Teach the World to Sing,” the jingle-turned-pop-hit that was first featured as a part of Coca-Cola’s classic 1971 commercial known as “Hilltop.” In the commercial, young people sang about wanting to “buy the world a Coke.”
“I think they have been looking for something that has that kind of impact,” said John Rudolph, the chief executive of Bug Music, which licenses songs for commercial uses.
Music is, of course, an important part of many advertisers’ messages. Last year, for instance, the R&B singer Chris Brown released a hit song, “Forever,” that doubled as a jingle for the Doublemint brand of gum. The song even incorporated the product’s slogan, “double your pleasure, double your fun,” into the lyrics.
Mr. Rudolph noted that few companies are able to afford the production of an original song that doesn’t even mention the brand. But if any company can, it’s Coca-Cola.
For “Open Happiness,” the company collaborated with Atlantic Records and signed Cee-Lo Green of Gnarls Barkley, Patrick Stump of Fall Out Boy, Brendon Urie of Panic at the Disco, Travis McCoy of Gym Class Heroes, and Janelle Monae to lend their voices to the song. Ms. Monae, a Grammy-nominated singer and songwriter, said it “was promoting a good cause,” happiness, that all people could agree on.
Being able to work with fellow artists and “write the words and lyrics that we like without feeling like the company was saying, ‘Sing about Coca-Cola,’ it made it more true to my core values,” she said.
•
The lyrics for the “Open Happiness” song are as sweet and bubbly as the soft drink. “C’mon and lift me up, it’s a brand new day, open up a lil’ happiness today, so I can be someone new,” goes the chorus. The single was released in the United States in March. Tying the music video to the Coke commercials for the campaign is the same five-note melody.
Mr. Ozaydinli speculated that the lack of an in-your-face Coke message is “one of the key reasons” consumers have shown interest in the song. On MySpace, it has been streamed more than 600,000 times.
According to Coca-Cola, the single reached the No. 1 spot on the top 100 music download chart of Baidu.com, a leading Chinese Web site.
But it has not found as many fans in the United States: it reached No. 37 on Apple iTunes pop chart for a short period of time, the company said, and no longer appears on the iTunes lists.
Mr. Ozaydinli acknowledged that the song did not perform as well in the United States, but said that “chart success is only one element of the equation.” Mr. Ozaydinli said Coca-Cola may sell copies of the single in some markets.
Coca-Cola said it would consider producing future songs for the Open Happiness campaign in the coming months. A half-French, half-English-language version of the tune will be released in time for the Winter Olympics in Vancouver next year.
Source : http://english.alrroya.com
In the global advertising campaign called Open Happiness that was introduced in January, the Coca Cola Company takes the game to a logical last step by omitting any reference to the brand in a catchy song it created and sold last winter.
With the title “Open Happiness,” the song is an advertisement by association.
•
Coca-Cola signed a crew of well-known band members and performers to record the single. It also produced several different language versions for other countries.
On Thursday morning, the song will take another promotional step forward when MTV is expected to show the premiere of the music video for “Open Happiness.” Coca-Cola said it did not pay MTV for the showing.
As is the case with the song, viewers of the video will be hard-pressed to spot the Coca-Cola brand. “I studied the video like the Zapruder film,” said a Coke spokesman, Petro Kacur, and the Coke reference “is so super-fast that you really have to be looking for it.”
Umut Ozaydinli, the global music marketing manager for the Coca-Cola Company, said the upbeat song pulled consumers into the Open Happiness campaign, rather than pushing it on them like traditional advertising.
“Coca-Cola is such a strong and magical brand that we can come out with something with no branding or very little branding,” he said in a telephone interview from Turkey on Wednesday, where the company plans to release a Turkish-language version of the song. “All the communications we are doing around the song enable consumers to connect the song with the brand.”
While Coca-Cola has produced songs in the past — before the Summer Olympics in Beijing last year, the company released eight song remixes by D.J.’s — “Open Happiness” stands out because the company is charging for the single on iTunes and Amazon.com. The musical strategy may remind some of “I’d Like to Teach the World to Sing,” the jingle-turned-pop-hit that was first featured as a part of Coca-Cola’s classic 1971 commercial known as “Hilltop.” In the commercial, young people sang about wanting to “buy the world a Coke.”
“I think they have been looking for something that has that kind of impact,” said John Rudolph, the chief executive of Bug Music, which licenses songs for commercial uses.
Music is, of course, an important part of many advertisers’ messages. Last year, for instance, the R&B singer Chris Brown released a hit song, “Forever,” that doubled as a jingle for the Doublemint brand of gum. The song even incorporated the product’s slogan, “double your pleasure, double your fun,” into the lyrics.
Mr. Rudolph noted that few companies are able to afford the production of an original song that doesn’t even mention the brand. But if any company can, it’s Coca-Cola.
For “Open Happiness,” the company collaborated with Atlantic Records and signed Cee-Lo Green of Gnarls Barkley, Patrick Stump of Fall Out Boy, Brendon Urie of Panic at the Disco, Travis McCoy of Gym Class Heroes, and Janelle Monae to lend their voices to the song. Ms. Monae, a Grammy-nominated singer and songwriter, said it “was promoting a good cause,” happiness, that all people could agree on.
Being able to work with fellow artists and “write the words and lyrics that we like without feeling like the company was saying, ‘Sing about Coca-Cola,’ it made it more true to my core values,” she said.
•
The lyrics for the “Open Happiness” song are as sweet and bubbly as the soft drink. “C’mon and lift me up, it’s a brand new day, open up a lil’ happiness today, so I can be someone new,” goes the chorus. The single was released in the United States in March. Tying the music video to the Coke commercials for the campaign is the same five-note melody.
Mr. Ozaydinli speculated that the lack of an in-your-face Coke message is “one of the key reasons” consumers have shown interest in the song. On MySpace, it has been streamed more than 600,000 times.
According to Coca-Cola, the single reached the No. 1 spot on the top 100 music download chart of Baidu.com, a leading Chinese Web site.
But it has not found as many fans in the United States: it reached No. 37 on Apple iTunes pop chart for a short period of time, the company said, and no longer appears on the iTunes lists.
Mr. Ozaydinli acknowledged that the song did not perform as well in the United States, but said that “chart success is only one element of the equation.” Mr. Ozaydinli said Coca-Cola may sell copies of the single in some markets.
Coca-Cola said it would consider producing future songs for the Open Happiness campaign in the coming months. A half-French, half-English-language version of the tune will be released in time for the Winter Olympics in Vancouver next year.
Source : http://english.alrroya.com
Overseas Growth Lifts Coke’s Profit
Profit topped forecasts but Coca-Cola’s stock fell slightly after the company said it expected foreign currency exchange rates to hurt its results in the third quarter, as they did in the first.
Coca-Cola said it earned $2.04 billion, or 88 cents a share, up from $1.42 billion, or 61 cents a share, a year earlier, when it posted a big one-time charge. Sales in the period, which ended July 3, fell 9 percent, to $8.27 billion, from $9.05 billion.
International sales are helping carry the company and are setting it up for long-term growth, said Jack Russo, an industry analyst at Edward Jones.
International sales volume rose 5 percent in the quarter, with gains of 10 percent or more in China and India, while domestic sales volume fell 1 percent, reflecting the trend of North American consumers cutting back on their spending.
Shares of Coca-Cola, which is based in Atlanta, fell 68 cents, to $50.35 a share.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)